Powered By Blogger

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สิ่งก่อสร้างที่มหัศจรรย์สมัยปัจุจบัน

พระราชวังแวร์ซายส์ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก สร้างโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส เริ่มต้นสร้างในปี พ.ศ.2204 เสียค่าใช้จ่ายไปทั้งสิ้น 500 ล้านฟรังค์ โดยใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จ ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก เรียกได้ว่าเป็นวิมานบนดินของจักรพรรดิเลยก็ว่าได้ ภายในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระการตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ห้องกระจกชื่อ ฮอล ออฟ มิเรอร์ เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมนีในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และใช้เป็นที่ลงนามเมื่อเยอรมนีบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมากองทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางมารีอังตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2332 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังทรงความสวยงามเลิศล้ำ อยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ รวมทั้งเป็นสถานที่รับแขกเมืองและสถานที่ประชุมสำคัญๆ

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สายฟ้าแห่งภูเขาไฟ สวยที่สุดในโลก

การระเบิดบางครั้งที่ปล่อยเถ้าภูเขาไฟจำนวนมาก แต่เกิดฟ้าผ่าเพียงเล็กน้อย หรือไม่เกิดฟ้าผ่าเลย แต่การระเบิดบางครั้งที่มีเถ้าภูเขาไฟน้อย แต่เกิดฟ้าผ่าจำนวนมาก หินภูเขาไฟที่พ่นออกมาสามารถอธิบายได้ว่าถ้าหินภูเขาไฟมีความต้านทานไฟฟ้าสูง จะมีโอกาสที่จะเกิดปรากฎการณ์โวลเคนิกไลทนิ่งมากขึ้น จึงอาจจะอธิบายได้จากอุปกรณ์ไฟฟ้าใน บ้าน อย่างสายไฟไส้ทองแดง (ทองแดงมีความต้านทานไฟฟ้าต่ำ) สายไฟจะไม่เกิดความร้อนและ ประกายไฟขึ้น แต่ถ้ากระแสไฟฟ้าขนาดเท่ากันผ่านทังค์สแตน (ไส้หลอดไฟ) จะเห็นว่าไส้หลอดจะเกิดแสงสว่าง และความร้อนขึ้น

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว ( Penitentes )

Penitentes เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากรูปแบบการก่อตัวของหิมะ ที่พบได้ในบริเวณที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากๆ โดยมีรูปแบบเป็นแท่งสามเหลี่ยม เรียวยาวสูง ซึ่งสาเหตุของการเกิดปรากฏการณ์นี้ก็มีแสงอาทิตย์เป็นที่ทำให้เกิดรูปทรง ประหลาดนี้ โดย แสงอาทิตย์จะทำให้เกิด รอยบุ่มเป็นจุดๆ กระจายตัวไปทั่วทั้งพื้นหิมะ และรอยบุ่มนี้ก็จะมีแอ่งน้ำเล็กขังอยู่ และอ่างน้ำนี้เมื่อถูกแสงอาทิตย์ก็จะทำตัวคล้ายเลนส์ รวมแสงส่องลงไปลึกขึ้นๆ เรื่อยๆ จนเกิดเป็นทุ่งน้ำแข็ง นักบวชขาว อันเนื่องมาจากรูปทรงของ น้ำแข็ง นี้คล้ายกับหมวกของพวกนักบวชทรงแหลมสูง

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล ( Ice Circle )

Ice Circle ไอส์เซอร์เคิ้ล เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่พบเห็นได้ยาก และสมมุติฐานที่เป็นที่ยอมรับกันถึงสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติ ไอส์เซอร์เคิ้ล นี้เกิดจากการที่ ผิวน้ำเริ่มก่อตัวเป็น น้ำแข็งจากบริเวณกึ่งกลางของผิวน้ำ แล้วค่อยๆก่อตัวตามขอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และต้องประกอบกับแหล่งน้ำจะต้องไหลเอื่อยๆ เพื่อให้เกิด น้ำแข็ง สามารถก่อตัวบริเวณขอบ ขณะหมุนขยายตัวออกมาเรื่อยๆ จนไปชนกับขอบน้ำแข็งแผ่นอื่นๆ ไอส์เซอร์เคิ้ล บางแผ่นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 150 เมตร อาดจะพบอยู่เดี่ยวๆ หรือเป็นกลุ่มก็ได้

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ หินเดินได้ Sailing Stones

Sailing Stones เป็น 1 ใน ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่ยังคงเป็น ปริศนา ที่เกิดขึ้นที่ อุทยานแห่งชาติเดท วัลลี่ย์ (Death Valley National Park) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศ สหรัฐอเมริกา ส่งที่พบก็คือ จะพบร่องรอยการเคลื่อนที่ของก้อนหิน ที่ทิ้งไว้บนดินเหนียวที่แห้งเป็นทางยาว โดยปรากฏการณ์ธรรมชาติ นี้จะเกิดขึ้นทุก 2 - 3 ปี ครั้ง และหินบางก้อนก็ใช้เวลากว่า 3 - 4 ปีในการเคลื่อนที่ ปรากฏการณ์ ดินเดินได้ เกิดจากมนุษญ์ หรือ สัตว์ หรือไม่ จาก ลักษณะรูปร่างของร่องรอยการไถลของหินนั้นบ่งบอกได้ว่าหินก้อนนั้นต้อง เคลื่อนที่ในช่วงที่พื้นของเรซแทรค พลาย่านั้นถูกปกคลุมด้วยดินเหนียวอ่อนนุ่ม ถ้าเป็นฝีมือของคนหรือสัตว์จะต้องมีร่องรอยของการเหยียบย่ำรบกวนชั้นดิน เหนียวด้วย แต่ในบริเวณดังกล่าวไม่ปรากฏหลักฐานร่องรอยจากคนหรือสัตว์ที่จะช่วยให้หิน เคลื่อนที่เลย มีเพียงร่องรอยการไถลของหินเท่านั้น

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง Ice Flowers

Ice Flowers เป็นอีก 1 ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สร้างความตกตลึงให้แก่ผู้พบเห็น เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นบนทะเลที่กลายเป็นน้ำแข็ง และเกิดมีเกร็ดน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นมาเป็น ช่อดอกไม้สีขาง กลีบบางผุดขึ้นมาเต็มพื้นน้ำแข็ง
สาเหตุ ของการเกิด ปรากฏการณ์ธรรมชาติดอกไม้น้ำแข็ง * ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ดอกไม้น้ำแข็ง เป็นหนึ่งในรูปแบบของแผ่นน้ำแข็ง ที่เพึ่งก่อตัวขึ้นใหม่ * เมื่อไอน้ำอิ่มตัว ( Saturated Water Vapors ) ที่แทรกตัวขึ้นมาตามรอยแตกของแผ่นน้ำแข็ง * เมื่อไอน้ำอิ่มตัว สัมผัสกับอากาศเย็นจัดด้านบนก็จะเริ่มก่อตัวเป็นเกร็ดน้ำแข็ง * ส่วนเกลือบนที่อยู่บนผิวของเกร็ดน้ำแข็งก็จะเกิดการตกผลึก เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยบนผิวของเกร็ดน้ำแข็ง * ผลึกเกลือที่เกิดขึ้นจะเป็นเสมือนแกนให้ให้ไอน้ำอิ่มตัว ที่เหลือเกาะเป็นเกร็ดน้ำแข็งใหม่ขึ้นสลับไปมาจนซ้อนทับกันจนคล้าย กลีบดอกไม้

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ดินแดนมหัศจรรย์

แกรนด์ แคนยอน” (Grand Canyon)
ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ความน่าอัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนอยู่ที่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ โดยถือกำเนิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ
การจะรู้ถึงแหล่งกำเนิดของ “แกรนด์แคนยอน” คงต้องขอย้อนอดีตกลับไปนานอักโขในช่วงหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมา สายน้ำโคโลราโด (Colorado) ที่มีสภาพเป็นเพียงลำธารเล็กๆได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้าง ใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้นเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาล ภายใต้พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่ซึ่งการยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลก การสึกกร่อนพังทลายของหิน บวกกับแรงลมและแสงแดดได้ดำเนินมานานหลายล้านปี จนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ภูมิประเทศอันน่าพิศวงนี่เอง
สำหรับใครที่ได้มาเยือนยัง “แกรนด์แคนยอน” ดินแดนที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกแห่งนี้ จะต้องตะลึงกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติที่รังสรรค์หุบผ่าสูงชันแห่งนี้ได้อย่างสง่างามน่าเกรงขามเป็นที่ยิ่ง แต่ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเยือนที่แห่งนี้ ในอดีตแกรนด์แคนยอน เคยเป็นผืนแผ่นดินของชาวอินเดียนแดง ครั้งแรกสุดที่มีการค้นพบดินแดนแห่งนี้คือเมื่อปี พ.ศ.2083 โดยนักสำรวจชาวสเปน แต่ไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนัก ต่อมาในปี พ.ศ.2319 นักบวชชาวสเปน 2 คนได้สำรวจเจอแล้วเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป ทำให้มียักสำรวจเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้มากขึ้น
จนกระทั่งในปี พ.ศ.2412 พันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ (John Westley Powell) และคณะอีก 9 คน ได้ตัดสินใจล่องเรือออกเดินทางสำรวจดินแดนอันน่าพิศวงแห่งนี้ แม้สภาพธรรมชาติที่โหดร้ายมีภยันตรายมากมายทั้งโขดหิน แก่งหิน และกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ตลอดจนน้ำวนที่น่าสะพรึงกลัว แต่พวกเขาบางคนก็สามารถรอดตายมาได้รวมถึงพันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ ด้วย และการสำรวจครั้งนี้เองที่ทำให้พวกเราได้รู้จัก “แกรนด์แคนยอน” สัดส่วนของ “แกรนด์แคนยอน” แห่งนี้ ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การกำเนิดของมัน โดยสูงจากระดับน้ำทะเลแตกต่างกันไปตั้งแต่ 381-2,793 เมตร มีความกว้างตั้งแต่ 2-24 กิโลเมตร และลึกประมาณ 1.6 กิโลเมตร รอยแยกระหว่างแนวผาของแกรนด์แคนยอนที่มีแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านกันเหวมีความยาวถึงประมาณ 347 กิโลเมตรหุบผาอายุราว 17 ล้านปี แห่งนี้ ประกอบไปด้วยหินเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะชั้นของหินที่ถูกแม่น้ำตัดผ่าน มีอยู่ประมาณ 12 ชั้น โดยชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนชั้นบนสุด เป็นชั้นที่ใหม่ที่สุด ต่างก็มีหินมากมายหลายชนิดและมาจากหลากหลายยุค ในแต่ละชั้นก็มีสีสันแตกต่างกันไป สีที่เห็นออกไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำ อันเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ แกรนด์แคนยอน ยิ่งในยามกระทบแสงแดด บางบริเวณก็จะแลเห็นเป็นสีน้ำเงินอ่อน สี่ม่วง สีแดง สีเขียว สีส้ม แล้วแต่จังหวะของแสง
สำหรับดินแดนแห่งหุบเหวกว้างใหญ่แห่งนี้ ได้แบ่งเป็น 2 ตอนด้วยกัน ได้แก่ ขอบผาด้านเหนือ และขอบผาด้านใต้ ทั้งสองฝั่งอยู่ห่างกันเป็นระยะทางเฉลี่ยกว่า16 กิโลเมตร โดยมีหุบเขาตัววี (V-shaped valley) ที่ถูกกัดเซาะด้วยแม่น้ำคั่นระหว่างกลาง มีความลึกจากขอบหน้าผาลงไปถึงแม่น้ำด้านล่างถึง 1,829 เมตร แกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือ หรือ “North Rim” สูงประมาณ 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ด้วยความสูงระดับนี้ทำให้ขอบผาด้านเหนือมีสภาพอากาศแตกต่างกันอย่างมาก เมื่อถึงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักจนไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเยี่ยมชมแกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือนี้ในฤดูร้อนคือช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม
ทางฝั่งเหนือนี้มีจุดชมวิวหลักๆอยู่ 2 แห่งด้วยกันได้แก่ “พอยน์ท อิมพีเรียล” (Point Imperial) ถือเป็นจุดที่สูงที่สุดในฝั่งเหนือ คือประมาณ 2,700 เมตร วิวในมุมนี้จะมองเห็นได้กว้างไกล รวมไปถึงทะเลทรายหลากสี (Painted Desert) และป่าสงวน (Navajo Reservation) ด้วย อีกจุดหนึ่งได้แก่ “แคพ รอยัล” (Cape Royal) อยู่สูงประมาณ 2,400 เมตร เหมาะสำหรับเดินชมวิวทิวทัศน์ไปตามขอบผาสูงชัน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวได้สวยที่สุดในฝั่งเหนือก็ว่าได้ และที่แคพ รอยัล ยังมีที่จอดรถกว้างขวางด้วย จุดชมวิวอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อได้แก่ โทโรวีพ ( Toroweap Overlook ) อยู่ ณ ริมหุบผาชันทางด้านเหนือ กว้างประมาณ 800 เมตร หรือที่ นอร์ธ ไคแบ็บ เทรล (North Kaibab Trail) ซึ่งเป็นทางแคบๆผ่านไปตามขอบเหวลึกอย่างน่าตื่นเต้นหวาดเสียว
ส่วนแกรนด์แคนยอนทางฝั่งใต้ ที่เรียกว่า “South Rim” สูงประมาณ 2,000 เมตร ทางฝั่งนี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และสามารถเดินทางได้สะดวกจากลาสเวกัส มลรัฐเนวาด้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงชมแกรนด์แคนยอนจากฝั่งใต้มากกว่า สำหรับวิวทิวทัศน์ทางฝั่งนี้ เบื้องล่างจะเห็นแม่น้ำโคโลราโด ส่วนด้านบนสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ตามแบบของพวกชนพื้นเมืองเดิมที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้มาก่อน หากใครที่ต้องการสัมผัสความเสียวถึงขั้วหัวใจล่ะก็ ขอให้ลองจ่ายเงินเพื่อพิสูจน์วัดใจตัวเอง ด้วยการเดินบน “สกายวอล์ก” (Skywalk) ทางเดินกระจกรูปร่างคล้ายเกือกม้ายื่นออกมาจากขอบผาไปประมาณ 21 เมตร เสมือนการเดินบนอากาศด้วยระดับความสูงกว่า 1,220 เมตร เลยทีเดียว ซึ่งนอกจากความหวาดเสียวแล้วยังจะได้ชมทัศนียภาพของแกรนด์แคนยอนแบบไม่เหมือนใครอีกด้วย
และแน่นอนว่าแกรนด์แคนยอน ย่อมต้องมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่หลงใหลในการผจญภัย ซึ่งก็มีเส้นทางให้เลือกเข้าหา แกรนด์แคนยอนได้หลากหลายทั้ง อาทิ เส้นทางเดินเท้าลัดเลาะลงสู่เบื้องล่างของหุบผาและตลิ่งของแม่น้ำโคโลราโด โดยการเดินทางจากริมหน้าผาด้านบนลงไปถึงแม่น้ำโคโลราโดเบื้องล่างต้องเดินเป็นระยะทางกว่า 16 กิโลเมตร และมีการเปลี่ยนระดับความสูงถึง 1,220 เมตร ผู้ที่ตั้งใจจะเดินลงไปข้างล่างจึงควรเผื่อเวลาไว้ 2 วัน โดยลงไปนอนเต็นท์ด้านล่าง 1 คืน แล้วจึงค่อยเดินกลับขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น หรือหากเดินไม่ไหว ก็มีล่อ (mule) บริการ นักท่องเที่ยวสามารถขี่เจ้าล่อขึ้นลงเขาได้อย่างมั่นใจปลอดภัยเพราะเจ้าล่อที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญชำนานทางเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าดีกว่าคนด้วยซ้ำ แต่พอลงจากล่ออาจต้องเดินขากางไปหลายวันก็เป็นได้ หรือใครชอบทางน้ำ ก็สามารถล่องแก่งด้วยเรือยางไปตามแม่น้ำโคโลราโดที่ถือว่าเป็นแก่งที่ยากที่สุดในโลก ด้วยระยะทางยาวกว่า 400 กิโลเมตร น้ำที่ไหลเชี่ยวผ่านเกาะแก่งหินมากกว่า 150 แห่ง และน้ำวนที่เดือดพล่านอยู่เป็นแห่งๆ ท้าทายฝีมือของผู้รักสนุก พร้อมชมความสวยงามระหว่างเส้นทางสองฟากฝั่ง และยังได้พักค้างคืนท่ามกลางหุบเขาสูงโอบล้อมอีกด้วย ช่างคุ้มค่ากับชีวิตจริงๆ

พระราชวังเครมลิน แห่งรัสเซีย

พระราชวังเครมลิน(Grand Kremlin Palace)
หากจะย้อนอดีตพระราชวังเครมลินแล้วไซร้ ต้องเล่ากันตั้งแต่เมื่อปีค.ศ.1147 เจ้าชาย ยูริ โตลการูติน ต้นราชวงศ์ รัสเซีย มีความจำเป็นต้องสร้างเมืองขึ้นบนเนินริมฝั่งแม่น้ำมอสโก ที่หมู่บ้านเขาเจ็ดยอด เนื่องจากต้องต่อสู้กับสวีเดนนานถึง 21 ปี เรียกว่าเมืองมอสโก พระองค์ได้ทรงสร้างป้อมปราการซึ่งแปลว่า Kremlin ทั่วรัสเซียจึงมีเครมลินมากมาย ป้อมปราการที่เมืองมอสโกจึงเรียกว่า ป้อมปราการแห่งมอสโก แต่แล้วในยุคสมัยที่ เจงกิสข่าน เรืองอำนาจ ได้บุกเข้ายึดครองรัสเซียๆ ต้องส่งเครื่องบรรณาการให้อย่างยาวนาน ช่วงปลายราชวงศ์หยวน(มองโกล)อ่อนแอลง ในขณะที่ พระเจ้าอีวานมหาราชที่ 3 ทรงขึ้นครองราชย์ปกครองรัสเซียช่วง คศ.1440-1505 ได้ทรงปลดแอกจากมองโกลได้สำเร็จ เป็นห้วงเวลาที่รัสเซียเข้มแข็ง,รุ่งเรือง และพระองค์ทรงสามารถขยายพระราชอาณาจักรออกไปได้ถึง 3 เท่า
ในระหว่าง ค.ศ.1485-1495 ทรงสร้างพระราชวังเครมลินบนเนื้อที่ 4.4 ไร่ มีหอคอยถึง 20 แห่ง สร้างด้วยอิฐก้อนละ 8 กก. โดยมีสถาปนิกเป็นชาวอิตาลี ในระหว่างปีค.ศ.1838-1850 พระเจ้าจักรพรรดิ์นิโคลัสที่ 1(คศ.1825-1855) โดยสถาปนิกชื่อ Konstantin thon ทรงสร้าง Grand Kremlin Palace พระราชวังเครมลินมีชั้นล่างเป็นที่ประทับของราชวงศ์ ชั้นที่สองเป็นห้องทรงจัดราตรีสโมสรและท้องพระโรงออกว่าราชการ มีห้องบรรทมมากถึง 700 ห้อง
ปีค.ศ.1917 วลาดิมีร์ เลนิน หัวหน้าพรรคบอลเชวิก มาร์กซิสคนแรก ได้ทำการปฎิวัติรัฐประหาร ระบอบจักรวรรดิ์ลง และพระราชวังเครมลินเปลี่ยนสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติรัสเซียที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในพิพิธภัณฑ์มีรูปเคารพทางศาสนามากถึง 400,000 รูป(Icon) สมบัติของพระเจ้าซาร์เก็บรักษาไว้ที่นี่ มีสรรพาวุธทางทหารมากมาย และยังเป็นพระคลังเครื่องทรงเพชร อันมีค่าประเมินมิได้
ในปีค.ศ.1990 ยูเนสโก้ได้ประกาศให้พระราชวังเครมลินและจตุรัสแดง เป็นมรดกโลก (World Heritage) ทุกวันนี้ พระราชวังเครมลินเป็นหนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวปรารถนาที่จะได้เข้าไปชมและบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกสุดแสนตราตรึงใจ กลายเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าเช่นเดียวกับอีกหลายสถานที่ของอาณาจักรรัสเซีย


St.Basil Cathedral มหาวิหารเซนต์บาซิล
*เมื่อปีคศ.1552 พระเจ้าอีวานที่ 4 ครองราชย์ คศ.1533-1584 ทรงปราบปรามพวกมองโกล(ตาร์ตาร์)ที่เมือง Kazan ได้อย่างเด็ดขาด จึงทรงโปรดให้สถาปนิกชื่อ โปนิก ยาคอฟเลฟ ออกแบบมหาวิการ St.Basil Cathedral รูปแบบแปลกแตกต่างจากโบสถ์ทุกแห่ง มีโดม 8 โดมล้อมรอบ โดมใหญ่แปดเหลี่ยมอันเป็นโดมที่ 9 ติดเซรามิคสวยงามมาก*สร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1555 พระเจ้าอีวานที่ 4 ทรงโปรดปรานยิ่งนัก แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวอย่างอย่างใหญ่หลวง เกรงว่าสถาปนิกคนนี้จะไปออกแบบมหาวิหารรูปลักษณะนี้ที่อื่นๆอีก จึงสั่งให้ควักลูกตาของสถาปนิกผู้เฉียบแหลมออกทั้งสองข้าง เพื่อจะได้ไม่ไปออกแบบให้ใครได้อีกต่อไป นี่เองคือต้นเหตุที่ทรงได้รับสมญานามว่า พระเจ้าอีวานจอมโหด (Ivan the terrible) *ในระหว่างที่ท่านชมด้วยความตกตะลึงอยู่นั้น ท่านควรจะยืนทำความเคารพผู้ออกแบบหรือผู้สั่งให้ออกแบบ

ปืนใหญ่พระเจ้าซาร์(The Emperror Cannan) หรือปืนใหญ่จอมจักรพรรดิ์
นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 รัสเซียมีความสามารถมากในเรื่องการหล่อโลหะ และบรอนซ์ ต่อมาในปีปีคศ.1586 พระเจ้าฟีโอดอร์ (Tsar Fyodor 3 ครองราชย์.......) โอรสของจอมจักพรรดิ์อีวานจอมโหด ได้ความคิดแปลกประหลาดสรรค์สร้างขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่ง จึงให้ Andrey Shchokov ซึ่งเป็นช่างหล่อที่เก่งที่สุดยุคนั้น ทำการออกแบบเพื่อสร้างปืนใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกขึ้น เนื้อโลหะที่หล่อทำด้วยบรอนซ์ มีลูกกระสุนหนักลูกละ 1 ตัน จำนวน 4 ลูก ตัวปืนใหญ่ยาว 5.34 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางรอบนอกกระบอกปืน 120 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางรอบใน 89 ซม. ลำกล้องมีความหนา 31 ซม. *เพลงลูกทุ่งไทยเราว่า ปืนบ่มีลูกยิงถูกก็บ่ตาย แต่ปีนใหญ่กระบอกนี้มีลูกเรียงไว้ตั้ง 4 ลูก ยังไม่เคยยิ่งเลยสักตูม มีปืนใหญ่ ลูกปืนใหญ่แต่ไร้จิตวิญญาณก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งให้มาชมกันเล่นๆ ถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น หนุกหนานๆ *นี่คืออำนาจของพระเจ้าแผ่นดินผู้ยิ่งใหญ่ ทำได้ทุกอย่าง อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวกลับนิยมเข้าไปลูบคลำและบันทึกภาพคู่กันมาก ไม่รู้คิดลึกหรือเปล่า อยากใหญ่อย่างกับปืนกระบอกนั้นบ้างจังฮู้
ระฆังยักษ์พระเจ้าซาร์(The Tsar Bell)*Tsar Alexis Mikhailovich
ครองราชย์ปี คศ. 1629-1676 ทรงสั่งให้สร้างระฆังยักษ์ให้ใหญ่และหนักที่สุดในโลก โดยมีน้ำหนัก 216 ตัน สร้างเสร็จแล้วก็แขวนไว้บนหอคอย *แต่แล้วในยุคสมัยของพระนางเจ้าจักพรรดินี Catherine ที่ 1 ครองราชย์ ปี คศ. 1684-1727 พอล่วงมาถึงปี คศ.1701 เกิดไฟไหม้หอคอย ระฆังยักษ์จึงแตกเป็นเสี่ยงๆ *อีก 36 ปีต่อมา(คศ.1737) Regent Anna Leopoldovna ครองราชย์ 1718-1746 ทรงสั่งให้ช่างหล่อชาวรัสเซียชื่ออิวาน มาโตริน และมิคาอิล บุตรชายกับคนงานอีก 200 คน เก็บเศษระฆังยักษ์มาหล่อใหม่อีกครั้ง แต่ก็เกิดความผิดพลาดขณะหล่อด้วยการเทน้ำเย็นบนระฆังที่ยังร้อนอยู่ จึงเกิดแตกที่ส่วนล่างของระฆัง ชิ้นที่แตกหนัก 11 ตัน ระฆังยักษ์ก็เลยนอนอยู่ในหลุมหล่อไม่ได้ส่งเสียงดังกังวานแต่อย่างใด ยังความเศร้าเสียใจให้กับพระนางยิ่งนัก *Emperer Nicholas ที่ 1 ครองราชย์ปี คศ.1796-1855 ในปี คศ.1836 พระองค์ได้สั่งให้ขุดระฆังยักษ์ใบนั้นมาวางบนแท่นดังที่เห็นในรูป ตั้งแต่นั้นมา ระฆังยักษ์กลายเป็นส่วนประกอบหนึ่งของพระราชวังเครมลิน และได้กลายสภาพมาเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งตราบทุกวันนี้ * เป็นปฏิมากรรมที่ได้รับความนิยมถ่ายรูปไว้ดูต่างหน้าเหมือนกัน ไม่เชื่อก็ดูป๋าผมเถอะ ซึ่งทุกวันนี้มีสภาพเป็นวัตถุโบราณมีชีวิต ก็ยังอยากถ่ายไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนและเจ๊หมวยได้ดูเป็นหลักฐาน ป๋าไปหลายวันน่ะไปรัสเซียจริงๆ ด้วย อิอิ ของเก่าแม้แตกหรือแตกลายงาแล้วแต่ก็ยังมีคุณค่าอยู่เสมอ

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ : สายฟ้า แห่ง ภูเขาไฟ สวยที่สุดในโลก

Volcanic Lightning เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ อันมหัศจรรย์ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเกิด ภูเขาไฟระเบิด จะเกิด พายุสายฟ้า ขึ้นในเถ้าภูเขาไฟที่กำลังพวยพุ่งขึ้นเหนือ ภูเขาไฟ โดยนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถค้นพบสาเหตุ ของ ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง (Volcanic Lightning) โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ปรากฏการณ์ โวลเคนิก ไลทนิ่ง นั้นน่าจะคล้ายการเกิด พายุสายฟ้า ( Thunderstorms ) และในการสัมนาเกี่ยวกับสภาวะอากาศ TPOD เมื่อ 17 กันยายน 2004 เหล่านักวิทยาศาสตร์ ได้สัมนากันว่าปรากฏการณ์นี้ อาดเกิดจากการที่อนุภาคของเถ้าภูเขาไฟเกิดการพุ่งชนกัน ทำให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขึ้นในอนุภาคของเถ้าภูเขาไฟ และเป็นเหตุให้เกิดฟ้าผ่าขี้น ขณะเกิดภูเขาไฟระเบิด และเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีสมมุติฐานใหม่ ว่าอาดเกิดจากที่เม็กม่า ได้ปลดปล่อยความชื้นออกมา

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ : เมฆ สวยที่สุดในโลก

Mammatus Clouds เมฆ แมมมะทูส หรือ เมฆตะปุ่มตะปํ่า (Bumpy clouds) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่จะทำให้เมฆเกิด เป็นเซล เป็นปุ่มเล็กปุ่มน้อย คล้ายถุงห้อยลงมาจากท้องฟ้า โดยคำว่า "mammatus" มาจากภาษาลาติน mamma แปลว่าเต้านม ซี่งมาจากการที่ก้อนเมฆมีลักษณะคล้าย เต้านมของวัว โดยแต่ละปุ่มมีขนาดใหญ่ 1 - 3 กิโลเมตร ยืนยาวลงมาประมาณ0.5 กิโลเมตร เรียงรายยาวหลายร้อยกิโลเมตร ปรากฏการณ์ นี้อาดเกิดขึ้น 15 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ปรากฏการณ์ เมฆ แมมมะทูส มีส่วนเชื่อมโยงกับ การเกิดพายุใหญ่ หรือก่อนเกิดพายุ ทอร์นาโด

ปรากฏการณ์ธรรมชาติ : เมฆจานบิน

Lenticular เป็นภาษาลาติน มีความหมายว่า รูปทรง เลนส์ (Lens - Shaped ) เมฆรูปทรงเลนส์ ( Lenticular cloud ) เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แสนประหลาด และสวยงาม มันช่างดูคล้าย จานบิน ไม่มีผลิต และหากปรากฏการณ์ เมฆรูปทรงเลนส์ ก็ขึ้นในสมัยก่อน รูปภาพวัตถุบินลึกลับ ต่างที่มีการจารึกไว้ก็อาดเป็น ปรากฏการณ์นี้ก็เป็นไปได้

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

โอเปร่าเฮ้าส์ซิดนีย์อยู่ทวีปออสเตรเลีย เป็นทวีปที่เกิดใหม่และมีขนาดเล็ก เพิ่งจะมีการอยู่อาศัยเมื่อ 200-300 กว่าปีที่ผ่านมาเท่านั้น สิ่งก่อสร้างที่สำคัญในทวีปนี้ก็เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงทวีปนี้ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมาก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาชมมากมายและยังมีหินที่เกิดจากการกระทำของธรรมชาติอีกด้วย

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เรือโดยสารควีนแมรี่ นับเป็นต้นตระกูลของเรือเดินสมุทรขนาดมหึมาใหญ่โตที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1939 ที่อู่ริมฝั่งแม่น้ำไคลต์ในสก๊อตแลนด์ มีราคา 25,000,000 เหรียญสหรัฐ ในเวลา นั้น มีความยาว 1,004 ฟุต สูง 180 ฟุต หนัก 80,773 ตัน อัตราความเร็ว 30 น๊อต/ชั่วโมง บรรทุกผู้โดย สารได้ 2,075 คน บนดาดฟ้ามีเนื้อที่ 3 เอเคอร์ ใช้สำหรับเป็นที่เล่นกีฬา ภายในเรือมีร้านอาหาร สำนักพิมพ์ สระว่ายน้ำ โรงพยาบาลและอุปกรณ์บริการความสุขอื่นๆ อย่างครบครัน ต่อมาในปี ค.ศ. 1967 ได้ถูกดัด แปลงเป็นภัตตาคาร โรงแรม และพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำ อยู่ที่ลองบีช รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
หอประภาคารฟาโรสตั้งอยู่บนเกาะฟาโรสริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนหน้าเมืองอเล็กซานเดรียนของประเทศอียิปต์ ตัวอาคารสร้างด้วยลายหินอ่อนสีขาวสลักลวดลายวิจิตรงดงามมาก สูงประมาณ 400 ฟุต ทางขึ้นเป็น บันไดวนไปจนถึงยอดซึ่งมีตะเกียงแก๊สขนาดใหญ่ที่ให้แสงสว่างมองเห็นออกไปไกลในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้อเล็กซานเดรียนเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญยิ่ง แต่ประภาคารแห่งนี้ได้พังทลายลงเมื่อครั้งเกิดแผ่นดิน ไหวในศตวรรษที่ 13 จึงไม่มีอะไรเหลือไว้ให้เป็นอนุสรณ์นอกจากชื่อเสียงที่โด่งดังและประวัติศาสตร์ที่ได้ จารึกเอาไว้ ทำให้ยากที่จะลืมเลือนแม้ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานนับพันปีแล้วก็ตาม

สถานที่สำคัญของโลก

เทวรูปซีอุส เป็นอนุสาวรีย์ซึ่งแกะสลักด้วยงาช้างจำนวนมากมายนำมาประกอบกันเป็นรูป เทพเจ้าซีอุส หรือ "จูปิเตอร์" ในท่านั่งงามสง่าบนบัลลังก์สีทอง มีความสูงขององค์เทวรูป 58 ฟุต พระหัตถ์ซ้ายทรงคธา พระหัตถ์ขวารองรับ รูปปั้นแห่งชัยชนะ ( A SMALL FIGURE OF VICTORY) มีเครื่องประดับที่ทำ ด้วยทองคำล้วน นายช่างผู้แกะสลักและก่อสร้างคือ ฟีดีอัส สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 53 - ค.ศ. 111 เป็น เทวรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวกรีกโบราณให้ความเคารพนับถือมากที่สุดประดิษฐานอยู่ในเมืองโอลิมเปียประเทศ กรีซ นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์เก่าแก่นับเป็นต้นกำเนิดแห่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งหนึ่งและเป็นต้นกำเนิด แห่งปฏิมากรรมที่สำคัญ จนนำไปเป็นเบบอย่างในการสร้าง สนามกีฬาโอลิมปิกกับปราสาทพาซีออนและวัด ต่างๆ ในกรุงเอเธนส์ แต่ได้พังทลายลงเพราะเหตุแผ่นดินไหว ปัจจุบันจึงหาซากหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไม่ ได้แล้ว นอกจากในภาพวาด และภาพในเหรียญโบราณรวมทั้งคำเล่าลือยกย่องถึงความศักดิ์สิทธิ์และวิจิตร พิสดารมาตราบเท่าทุกวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ที่สุดในโลก
สุดในโลกด้านสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ
สัตว์บกที่วิ่งเร็วที่สุดใน เสือซีต้า
สัตว์ที่หนังหนาที่สุดในโลก แรด
นกที่บินเร็วที่สุดในโลก นกอินทรีย์
นกที่ตาไวที่สุดในโลก แร้ง
นกที่มองเห็นได้ไกลที่สุดใน เหยี่ยว
นกที่ใหญ่ที่สุดในโลก นกกระจอกเทศ
นกที่ตัวเล็กที่สุดในโลก นกฮัมมิ่ง
สัตว์ที่ถือว่ามีพลังอำนาจมากที ่สุดในโลก สิงโต
สัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ช้าง
สัตว์ที่คอย่าวที่สุดในโลก ยีราฟ
สัตว์ที่อายุยืนที่สุดในโลก เต่า
สัตว์ป่าที่สายตาสั้นและดุร้ ายมากที่สุดในโลก แรด
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่ สุดในโลก ปลาวาฬ
สัตว์ที่จมูกใหญ่ที่สุดในโลก ช้าง
สัตว์ที่มีมากที่สุดในโลก แมลง
ไก่ที่ไข่ดกที่สุดในโลก ไก่เล็กฮอร์น
นกที่อายุยืนที่สุดในโลก กา
งูที่พิษร้ายที่สุดในโลก งูจงอาง
ลิงที่คล้ายคนมากที่สุดในโลก ลิงกอริลลา,ลิงอุรังตุกัง
ต้นหญ้าที่สูงที่สุดในโลก ต้นไผ่
ไม้ที่ดีที่สุดในโลก ไม้สัก
สิ่งที่กว้างที่สุดในโลก จักรวาล
สิ่งที่เล็กที่สุดในโลก อิเลคตรอน
ดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุด ดาวพฤหัส
ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้โลกมากที่ สุด ดาวศุกร์
ดาวที่มีแสงสว่างมากที่ ดาวซิริอุส
ธาตุที่เบาที่สุดในโลก ไฮโดรเจน
ก๊าซที่หนักที่สุด ก๊าซเรดอน
ธาตุที่มีมากที่สุดในโลก ออกซิเจน
ธาตุที่มีราคาแพงที่สุดในโลก เรเดียม
ประเทศที่ผลิตระเบิดปรมณูเป็ นชาติแรก สหรัฐอมเริกา
ที่สุดในโลกด้านสิ่งก่อสร้าง
เขื่อนที่สูงที่สุดในโลก เขื่อนโบลเดอร์ฮูเวอร์ ในสหรัฐอเมริกา
น้ำพุที่สูงที่สุดในโลก ที่สวนสาธารณะ เยลโลว์สโตน ในสหรัฐอเมริกา
น้ำตกที่สูงที่สุดในโลก น้ำตกแอลเจลไน สูง 3212 ฟุต
น้ำตกที่สวยที่สุดในโลก น้ำตกไนแองการา อยู่ระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ
อุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก อุโมงค์แมนฮัตตัน ยาว 2700 ฟุต อยู่ในสหรัฐอเมริกา
อุโมงค์ในภูเขาที่ยาวที่สุ ดในโลก อุโมงซิมปลอน ในเทือกเขาแอลป์ ยาว 2145 ไมล์
วังที่ใหญ่ที่สุดในโลก วังวาติกัน ในกรุงโรม
พระราชวังที่สวยงามที่สุดในโลก ราชวังแวร์ซายส์ ในกรุงปารีส
พระราชวังที่ตั้งอยู่สูงที่สุ ดในโลก พระราชวังโปลาทา ในธิเบต สูง 11830 ฟุต
พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก British Museum ในอังกฤษ
สิ่งก่อสร้างที่สวยที่สุดในโลก ทัชมาฮาล ในอินเดีย
กำแพงที่ยาวที่สุดในโลก กำแพงเมืองจีน ยาว 1400 ไมล์
สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุกในโลก ปิรามิดที่เมืองเกิซย์ อียิปต์
รัฐสภาที่งามที่สุดในโลก รัฐสภาแห่งขาติฮังการี กรุงบูดาเปสต์
อนุสาวรีย์ที่สวยงามที่สุดในโลก อนุสาวรีย์ทัชมาฮาล ในเมืองอัคระ ประเทศอินเดีย
สุสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก สุสานของ ดร.ซุนยัดเซน
หอประชุมที่ใหญ่ที่สุดในโลก หอประชุมองค์การสหประชาชาติ กรุงนิวยอร์ค อเมริกา
หอคอยที่สูงที่สุดในโลก หอเอฟเฟล หอโตเกียว ประเทศญี่ปุน
หอดูดาวที่ใหญ่ที่สุดในโลก หอปาโลมาร์ ในสหรัฐอเมริกา
หอนาฬิกาที่ใหญ่ที่สุดในโลก นาฬิกาบิกเบล กรุงลอนดอน
หอที่ใช้เวลาสร้างนานที่สุ ดในโลก หอเอนที่เมืองปีซ่า ประเทศอิตาลี
สุดในโลกด้านประเทศหรืออารยธรรม
ทวีปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทวีปเอเซีย
ทวีปที่เล็กที่สุดในโลก ทวีปออสเตรเลีย
ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ัรุสเซีย เนื้อที่ 47,800,500 ตารางไมล์
ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก โมนาโค เนื้อที่ 0.50 ตารางไมล์
ประเทศที่มีประชากรมากที่สุ ดในโลก สาธารณรัฐประชาชนจีน 1228 ล้านคน ในปี 1994
ประเทศที่มีประชากรน้อยที่สุ ดในโลก วาติกัน ประมาณ 800 คน
มหาสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก แปซิฟิค
มหาสมุทรที่เล็กที่สุดในโลก อาร์คติก
ทวีปที่ร้อนที่สุดในโลก อัฟริกา
ทวีปที่เย็นที่สุดในโลก แอนตาร์ติก
ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลจีน
ทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทะเลสาปแคสเปียน ในรุสเซีย
ทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุ ดในโลก ทะเลสาปสุพีเรีย ในสหรัฐอเมริกา
ทะเลสาปน้ำเค็มที่ใหญ่ที่สุ ดในโลก ทะเลสาปแคสเปียน ในรุสเซีย
ทะเลที่ลึกที่สุดในโลก ทะเลสาปไบคาล ในรุสเซีย
ทะเลที่อยู่สูงที่สุดในโลก ทะเลสาปอัสกาลชิน ในธิเบต
แม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก แม่น้ำอเมซอน ในทวีปอเมริกาใต้ 270 ไมล์
แม่น้ำที่เกิดอุทกภัยมากที่สุ ดในโลก แม่น้ำฮวงโห ในประเทศจีน
คาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาบสมุทรอาหรับ
คลองที่ยาวที่สุดในโลก คลองยุ่นฮ้อ ยาว 700 ไมล์
คลองที่สำคัญที่สุดในโลก คลองสุเอช ในประเทศอียิปต์
เกาะที่ใหญ่ที่สุดในโลก เกาะกรีนแลนด์ 840,000 ตารางไมล์
แก่งบ้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปากน้ำคงคา ในประเทศอินเดีย
เทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก เทือกเขาหิมาลัย ชื่อเอเวอเรสต์ สูง 29142 ฟุต
เทือกเขาที่ยาวที่สุดในโลก เทือกเขาแอนดิส
ที่ราบที่สูงที่สุดในโลก ที่ราบปาร์มี ประเทศธิเบต
ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภูเขาไฟโมนนาลาว ในฮาวาย สูง 13675 ฟุต
ภูเขาไฟที่สวยที่สุดในโลก ภูเขาไฟฟูจิยามา ในญี่ปุ่น สูง 12389 ฟุต
ประเทศที่มีภูเขาไฟมากที่สุ ดใน ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศที่เป็นหลังคาโลก ประเทศธิเบต
ประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวมากที่ สุดในโลก ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศที่มีเกาะมากที่สุดในโลก ประเทศฟิลิปปินส์ 7100 เกาะ
ทวีปที่มีคนผิวดำมากที่สุดในโลก อัฟริกา
มหาสุมทรที่มีเรือสินค้าผ่านมากที่สุดในโลก มหาสมุทรแอตแลนติก
ทวีปที่มีคนผิวเหลืองมากที่สุ ดในโลก เอเซีย
สวนลอยบาบิโลน (อังกฤษ: Hanging Gardens of Babylon) จัดเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่บนแม่น้ำยูเฟรติส ประเทศอิรักในปัจจุบัน สร้างโดยกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ที่ 3 แห่งกรุงบาบิโลเนีย สร้างให้แก่มเหสีของพระองค์ชื่อพระนางเซมีรามีส สร้างขึ้นเมื่อ 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช สุงประมาณ 75 ฟุต กินพื้นที่ 400 ตารางฟุต ระเบียงทุกชั้นได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่างๆ มีระบบชลประทานชักน้ำจากแม่น้ำไทกิสไปทำเป็นน้ำตกและนำไปเลี้ยงต้นไม้ตลอดปี สวนนี้ได้พังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อหลังศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราช



อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน(Yellowstone National Park) เป็นอุทยานแห่งแรกของโลกและของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ในเขตติดต่อสามรัฐได้แก่ ไวโอมิง มอนแทนา และ ไอดาโฮแต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐไวโอมิงเป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ มีพื้นที่กว่า มีเนื้อที่มากกว่า 2ล้านเอเคอร์ คือประมาณ 43,750 ตารางไมล์ หรือ 8,992 ตารางกิโลเมตรภายในอุทยานประกอบไปด้วย ที่ราบสูงและภูเขาสูงมีหน้าผาชันและมีทะเลสาบเยลโลวสโตน์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีบ่อน้ำร้อนน้ำพุร้อนมากกว่า 10,000 แห่ง และ 250 แห่งเป็นบ่อน้ำพุร้อน [1]และน้ำพุร้อนที่สำคัญคือ น้ำพุร้อนโอลด์ เฟธฟุล มีน้ำพุงออกมาทุกๆ 33 และ93 นาทีโดยไม่เปลี่ยนแปลงเลยในรอบ 100 ปี สัตว์ป่าที่น่าสนใจในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน ได้แก่ หมีกริซซี่ หมีดำควายป่าไบซัน กวางมูส กวางเอลค์ แพะภูเขา บิ๊กฮอร์น แมวปา
จุดเด่น ๆที่นักท่องเที่ยวเมื่อมาถึงแล้วจะต้องแวะดูมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโอลด์เฟธฟูล (Old Faithful) น้ำพุร้อนที่ตระการตาที่สุด บ่อน้ำร้อนน้ำตกขนาดใหญ่ รวมทั้งสัตว์ป่านานาชนิด ทั้งควายป่าไบซัน กวางเอลก์ หรือหมีกริซลี
เส้นทางแรกคือโอลด์เฟธฟูล-น้ำพุร้อน แมมมอธ (Mammoth Hot Spring) ระยะทาง 81 กิโลเมตรเริ่มต้นที่โอลด์ เฟธฟูล ซึ่งต้องไปดูก่อนเป็นอันดับแรกต้องแวะเข้าไปที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพื่อเช็คเวลาว่าโอลด์เฟธฟูลจะปะทุขึ้นเมื่อเวลาเท่าใด แล้วจับจองม้านั่งเตรียมตื่นตาตื่นใจ
จากนั้นเดินดูบ่อน้ำร้อนและน้ำพุร้อนอีกนับไม่ถ้วนตามทางเดินไม้ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เริ่มจากด้านหลังของโอลด์ เฟธฟูลและจะไปสุดทางที่บ่อมอร์นิงกลอรี (Morinin Glory Pool)ซึ่งเป็นบ่อน้ำร้อนขนาดเล็กรูปกรวยสีฟ้าใส
เยลโลว์สโตนเริ่มมาเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นเมื่อนักสำรวจชาวอเมริกันชื่อจอห์น โคลเทอร์ (John Colter) ได้เดินทางมาถึงในปี ค.ศ.1807โคลเทอร์ได้พยายามผลักดันให้ชาวอเมริกันและชาวโลกได้รู้จักกับดินแดนภูเขาสูงแห่งนี้ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1872 ดินแดนแถบนี้ในชื่อของ Colter's Hillจึงได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอเมริกันให้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของชาวอเมริกาและถือได้ว่าเป็นอุทยานแห่งแรกของโลกด้วย

น้ำตกไนแอการา (อังกฤษ: Niagara Falls ; ฝรั่งเศส: les Chutes du Niagara) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls บางครั้งก็เรียก น้ำตกแคนาดา) สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil. แม้น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก
น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่าศตวรรษ
แม่น้ำไนแอการาไหลมาจากทะเลสาบอีรีไหลผ่านน้ำตกไนแอการาลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เมืองสองฝั่งของน้ำตกในสองประเทศนั้นเป็นเมืองแฝด โดยในฝั่งแคนาดาคือ ไนแอการาฟอลส์ ออนตาริโอ ส่วนในฝั่งสหรัฐอเมริกาคือ ไนแอการาฟอลส์ มลรัฐนิวยอร์ก

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พระราชวังแวร์ซายส์เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และสวยงามแห่งหนึ่งของโลก อยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สร้างโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส ในปี พ.ศ.1661 ใช้เงินทั้งหมด 500,000,000 ฟรังก์ คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาอยู่ถึง 30 ปีจึงแล้วเสร็จ ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นแบบอย่างศิลปกรรมที่งดงามมาก ภาย ในแบ่งออกเป็นห้องๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ฯลฯ ทุกห้องล้วนมีเครื่องประดับงดงามตระ การตาและภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ห้องกระจกชื่อ ฮอล ออฟ มิเรอร์ เป็นห้องที่มีชื่อเสียงมากที่สุดซึ่งเคยใช้เป็น ห้องลงนามในสัญญาสงบศึกระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมัน ในสมัยสงครามโลกครั้งแรกและใช้เป็นที่ลงนาม ในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ห้องนี้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14ทรงทำการก่อสร้าง เองภายในห้องประกอบด้วยกระจกยักษ์ 17 บาน เปิดออกแล้วจะเห็นสวนแวร์ซายส์อันสวยงามดุจสวนสวรรค์ การก่อสร้างพระราชวังแวร์ซายส์แห่งนี้ได้นำเงินมาจากค่าภาษีอากรของราษฎรชาวฝรั่งเศส ต่อมาจึงได้มีกอง ทัพประชาชนบุกเข้ายึดพระราชวังและจับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับพระนางแมรี่อังตัวเนต ประหารด้วย "กิโยติน" ในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1789 ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ยังอยู่ในสภาพดีและเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้

อะโครโพลิส (Acropolis) คือ ป้อมปราการที่อยู่บนเทือกเขาสูง มีรากศัพท์คือ Acro มาจาก Akros แปลว่าสูง และ Polis แปลว่าเมือง ซึ่งมีอยู่หลายจุดในประเทศกรีซ โดยทั่วไปจะมีวิหารสำหรับเทพผู้พิทักษ์เมือง อะโครโพลิสที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ อะโครโพลิสแห่งเอเธนส์ ซึ่งมีวิหารสามแห่ง คือ วิหารพาร์เทนอน(Parthenon) วิหารอิเรกเทียม (Erechtheum) และมีโรงละครอีกสองแห่งคือ โรงละครเฮโรเดส อัตติกัส (Theatre of Atticus) และโรงละครไดโอนีซัส (Theatre of Dionysus
เกาะอีสเตอร์ (Easter Island) หรือตามภาษาถิ่นเรียกว่า เกาะราปานุย (Rapa Nui) และในภาษาสเปนเรียกว่า เกาะปัสกวา (Isla de Pascua) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกอยู่ในการปกครองของประเทศชิลี ซึ่งเกาะห่างจากฝั่งประเทศชิลีกว่า 3,600 กิโลเมตร ไปทางทิศตะวันตก เกาะที่ใกล้เกาะอีสเตอร์มากที่สุดอยู่ห่างฝั่งจากถึง 2,000 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก ลักษณะของเกาะมีขนาดเล็ก มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สุสานแห่งอเลกซานเดรีย ที่ฝังศพแห่งอเลกซานเดรีย อยู่ที่เมืองอเลกซานเดรีย ประเทศอียิปต์ป็นอุโมงค์ใต้ดิน ใช้สำหรับเก็บทรัพย์สมบัติโบราณ เรียกว่า อุโมงค์คาตาคอมส์ เป็นอุโมงค์ที่สร้างด้วยหินก้อนใหญ่ๆและขุดลึกลงไปใต้ดินหลายชั้น ทางเดินกว้าง 3-4 ฟุต ตามช่องริมผนังอุโมงค์ขุดเป็นช่องลึกๆเข้าไป เพื่อใช้เป็นที่บรรจุพระศพของพวกศาสนาคริสต์
นครวัตเป็นสถาปัตยกรรมที่มหัศจรรย์ยิ่งสร้างขึ้นเมื่อประมาณ ค.ศ. 1643 กษัตริย์เขมรชื่อชัยวรมันที่ 2 ทรงสร้างขึ้นปราสาทนี้กว้างด้านละ 5 เส้น รอบ ๆ ปราสาทมีคู สร้างเป็น 3 ตอน ทางเข้าปราสาทด้านหน้าปูด้วยหินขนาดใหญ่มีราวกำแพงสลักเป็นพญานาคซุ้มประตูสร้างเป็นพระปรางค์ 3 ยอดผ่านประตูเข้าไปข้างในถึงตอนกลางเป็นปราสาทก่อเป็นพระปรางค์มี 5 ยอดมีภาพแกะสลักลงในเนื้อหินอย่างวิจิตรทุกส่วนสร้างด้วยศิลาแลง นครธมเป็นนครโบราณที่ประกอบไปด้วยปราสาทหินเป็นรูปสี่เหลียมจตุรัสมีคูเมืองกำแพง ป้อมปราการอันสวยงาม สร้างด้วยศิลาและหิน เนื้อที่ประมาณ 5500 ไร่

สะพานโกลเดนเกตเป็นสะพานที่มีช่วงยาวที่สุดในโลกทอดข้ามปากอ่าวทางตอนเหนือของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างใน ค.ศ. 1937 ช่องกลางระหว่างตอม่อยาว 4200 ฟุตริมทั้งสองข้าง ยาวข้างละ 1125 ฟุต กว้าง 90 ฟุต สร้างเป็นแบบโครงแขวน แขวนอยู่บนหอคอยสูง 215 เมตรใช้เหล็กสายโยงขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์และยังมีเส้นลวดเล็กยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีทางรถยนต์ 6 ทาง ทางรถบรรทุก 3 ทาง ทางรถไฟ 2 ทาง สูงกว่าระดับน้ำประมาณ 66 เมตร

น้ำตกแองเจล
สถานที่ตั้ง ประเทศเวเนซูเอลา ปัจจุบัน สามารถเข้าเยี่ยมชมได้
น้ำตกที่สูงที่สุด คือ น้ำตกแองเจล (Angel Fall) อยู่ในทวีปอเมริกาใต้ บริเวณประเทศเวเนซูเอลา มีความสูงประมาณ 3,212 ฟุต ชาวพื้นเมืองในVenezuela เริ่มรู้จัก Salto Angel ตั้งแต่ Jimmie Angel นักบินสหรัฐบินผ่านเหนือพื้นที่นี้ในปี 1935 เมื่อเขาลงสู่พื้นดินบนยอดของภูเขาเดี่ยวที่ค้นหาทองคำ เครื่องบินของเขาติดในป่ารกที่เป็นหนองน้ำบนยอดเขา และ เขาประกาศน้ำตกที่สวยงามตระการตาอันน่าประทับใจที่โถมดิ่งลงมาสู่พื้นหลายพันฟุต เขาต้องทรมานกับการเดินทางหลายวันด้วยเท้าประมาณ 11 ไมล์ เพื่อกลับตัวเมืองเครื่องบินของเขายังคงติดอยู่บนเขาเป็นอนุสาวรีย์การค้นพบของเขา ในไม่ช้าทั่วโลกที่ต้องการรู้เกี่ยวกับน้ำตก ก็มารู้จัก Angel Falls หลังจากการค้นพบของนักบิน Angel Falls ตกจากยอดที่ราบสูงที่ทางขึ้นลาดชัน หรือที่ชาวพื้นเมืองเรียกกันว่า Tepuyi ชื่อ "Auyantepui" ที่ราบสูงน้ำตกแองเจิล เป็นหนึ่งจากหลายร้อยที่ราบสูงที่กระจัดกระจายตาม Guiana Highlands ทาง ตะวันออกเฉียงใต้ของ Venezuela เหมือนยักษ์ขี้เซา ลักษณะของที่ราบสูง (Tepuys) เป็นที่ราบขนาใหญ่ สูงทะยานไปสู่ท้องฟ้า ประกอบด้วยที่ราบบนยอด และด้านข้างตั้งตรงมักถูกเรียกว่า "table mountains" (อธิบายโดยละเอียดด้วยรูปร่าง) Tepuys มีรูปแบบเป็นหินทรายที่มีอายุพันล้านปี ด้านข้างที่ตั้งตรงยังคงถูกกัดเซาะโดยการกระทำของน้ำจากฝนตกอย่างหนัก ที่ Guiana Highlands ได้รับ


หอไอเฟล
หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส ก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 (ค.ศ. 1889) โดย กุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 (พ.ศ. 2413) ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 3,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุต สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401 ฟรังก์ แรกๆที่หอไอฟสร้างเสร็จ หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่า หอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 -2473 ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ 5.5 ล้านคนต่อปี นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ยุคใหม่



อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ
เทพีเสรีภาพ-Statue of Liberty เด่นสง่า ณ เกาะเบคโล ปากอ่าวแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ประติมากรรมโลหะสำริด เทพีห่มเสื้อคลุม มือขวาชูประทีป มือซ้ายถือจารึกประกาศอิสรภาพ ตัวอนุสาวรีย์ภายในมีบันไดวน 162 ขั้น ประชาชนชาวฝรั่งเศสมอบเธอเป็นของขวัญแก่อเมริกันชนผู้แสวงหาเสรีภาพ ย้อนไป ค.ศ.1865 ณ กรุงปารีส ฝรั่งเศส นักวิชาการหัวก้าวหน้าและกลุ่มหนุ่มไฟแรงพบปะสนทนาที่บ้านนายเอดู อาร์ต เดอลา บูลาเยอ ถึงการเมืองเรื่องการปกครองที่ประชาชนขาดเสรีภาพและไม่ได้รับความเสมอภาคจากองค์จักรพรรดินโปเลียนที่ 3 พวกเขาชื่นชมชาวอเมริกันที่หาญกล้าลุกฮือขึ้นสู้กับอังกฤษ และปลดแอกสำเร็จเป็นชาติเอกราชในที่สุด เสรีภาพที่อเมริกันได้มาจุดประกายความคิดปารีเซียงกลุ่มนั้นที่จะสร้างงานศิลป์ชิ้นหนึ่งให้เป็น ของขวัญในวันอเมริกาเฉลิมฉลองวันชาติครบ 100 ปี 4 กรกฎาคม 1876 พวกเขารณรงค์หาเงินบริจาคจากประชาชนฝรั่งเศสทั่วประเทศ แล้วให้ปฏิมากร เฟรเดริก ออกุสต์บาร์โธลดี ออกแบบจากมติที่ต้องการให้ของขวัญเป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ของสตรีในชุดเครื่องแต่งกายดั่งชาวโรมัน สวมมงกุฎรูปเดือยแหลม 7 แฉก สื่อความหมายถึง 7 ทวีป 7 คาบมหาสมุทร ในท่ายืนชูคบเพลิงด้วยมือขวาให้แสงสว่างแก่เสรีภาพ มือซ้ายถือแผ่นจารึกประกาศอิสรภาพ จารึกอักษร 4 JULY 1876 เท้าข้างหนึ่งมีโซ่ตรวนขาดสะบั้นสื่อถึงความหลุดพ้นจากการเป็นทาส
ส่วนฐานรองรับเทพี เป็นภารกิจของอเมริกัน พวกเขาระดมทุนสร้างเป็นตึกสูง 87 ฟุต ออกแบบโดยสถาปนิก ริชาร์ด มอร์ริส ฮันต์ ในตัวอาคารจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์การสร้างอนุสาวรีย์ และการสร้างชาติสหรัฐอเมริกา พิธีเปิด อนุสาวรีย์แด่อิสรภาพของอเมริกัน: เสรีภาพส่องแสงสว่างแก่ชาวโลกŽ (MONUMENT TO AMERICAN INDEPENDENT: LIBERTY ENLIGHTENING THE WORLD) อย่างเป็นทางการโดยประธานาธิบดีโกรฟเวอร์ คลีฟ-แลนด์ มีขึ้นวันที่ 28 ตุลาคม 1886 ปีติยินดีถ้วนหน้าทั้งฝรั่งเศสและอเมริกัน
ข้อมูลจำเพาะของสตรีผู้ยืนเด่นอยู่บนแท่นทรงสี่เหลี่ยมบนฐานกว้าง 3 ชั้น ตัวเธอสูง 152 ฟุต แขนแต่ละข้างยาว 42 ฟุต นิ้วชี้ยาว 8 ฟุต เล็บนิ้วยาว 10-13 นิ้ว ภายเทพีโปร่งเป็นโครงเหล็กที่ออกแบบและคำนวณโดย กุสตาฟ ไอเฟล วิศวกรผู้สร้างหอไอเฟล แยกเป็นชิ้นส่วนบรรจุในลังทั้งหมดถึง 214 ลัง ส่งจากฝรั่งเศสนำมาต่อเป็นรูปร่างสูงถึง 302 ฟุต (วัดจากปลายคบไฟถึงปลายเท้า) ใช้แผ่นโลหะทองแดงหรือสำริด 32 ตัน รมสีเขียว ส่วนคบไฟติดตั้งระบบแสงไฟฟ้าสีเขียว 13,250 วัตต์ มีบันไดเวียนให้ขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์จากส่วนที่เป็นมงกุฎของเทพี รวมค่าใช้จ่ายในการสร้างสรรค์ดั้งเดิมประมาณ 650,000 ดอลลาร์ ส่วนงบบูรณะครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 1981 เพื่อจัดฉลอง 100 ปีเทพีเสรีภาพในปี 1986 ใช้ไป 86 ล้านดอลลาร์ จากที่ระดมทุนมาได้ 265 ล้านดอลลาร์ (16 ก.ค. 2547)